นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามีมูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เริ่มมีส่งสัญญาณการเติบโตที่ดี ที่มีผลมาจากนโยบาย Easy E-receipt ที่ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี การท่องเที่ยวที่เติบโตมากขึ้น และสภาวะอากาศร้อนที่เป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะกลุ่มเครื่องความเย็น ส่วนของเพาเวอร์ มอลล์ ในช่วง 4เดือนแรกปีนี้ ก็ถือว่ามีการเติบโตประมาณ 20% โดยรวมเติบโตมากกว่าตลาดปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกัน โดยเครื่องปรับอากาศโตขึ้น 45%, พัดลมโตขึ้น 32% , กลุ่มมือถือโตขึ้น 78% , กลุ่มทีวีไซส์ใหญ่โตขึ้น 20% , กลุ่มเครื่องซักผ้าโตขึ้น 10% ประกอบกับแบรนด์ผู้ประกอบการต่างส่งไลน์อัพสินค้าใหม่ลงตลาดเต็มทุกเซ็กเมนต์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่กระตุ้นการจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในปีนียังมี 2 งานใหญ่ กับ 2 มหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างฟุตบอลยูโร 2024 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฏาคม 2567 ตามด้วยกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่จัดตั้งแต่วันที่ 26 กรกฏาคม ถึง 11 สิงหาคม 2567 จึงคาดว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่มทีวีและเครื่องเสียงจะคึกคักมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เพาเวอร์ มอลล์ ยังได้มีการปรับกลยุทธ์การตลาด เช่น การเพิ่มพื้นที่ให้กับสินค้าบางกลุ่มที่เติบโตดี เช่น แอร์ และการมีซัพพลายเออร์เข้ามาเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญเช่น แบรนด์จากจีน จากเดิมมีอยู่แต่ว่าสินค้าไม่เต็มไลน์มากนัก แต่ขณะนี้มีการวางจำหน่ายสินค้าที่เต็มรูปแบบมากขึ้น เช่น ไฮเออร์ ไฮเซ่นส์ และทีซีแอล รวมถึงการขายสินค้าพรีเมียมเช่น ทีวีจอใหญ่ขนาด 75นิ้วขึ้นไป เครื่องซักผ้าฝาหน้า ตู้เย็นขนาดใหญ่ จับกลุ่มบีบวก
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพาเวอร์ มอลล์ กล่าวว่า สำหรับทิศทางของ เพาเวอร์ มอลล์ ในปีนี้ เรายังคงเดินหน้าร่วมมือกับผู้ประกอบการแบรนด์นำสินค้ารุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มพรีเมี่ยมเพิ่มมากขึ้น, เน้นกลุ่มสินค้าฟังก์ชั่น AI เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ มาพร้อมความหลากหลายของกลุ่มสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ครบครัน รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีแบบครบทุกมิติ, กระตุ้นกำลังซื้อผ่านโซนไฮไลท์ ที่จัดเป็นหมวดสินค้าอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความสะดวกในการช้อปปิ้งของลูกค้า โดยเน้นสินค้ากลุ่มระดับกลาง-บน (Mid to High) รองรับความต้องการกลุ่มกำลังซื้อสูงที่ขยายตัว, เร่งขยายฐานลูกค้ารุ่นใหม่ พร้อมสต๊อกสินค้าเพิ่มเติมรับมือดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถปิดยอดขายของ POWER MALL จนถึงสิ้นปี ตามเป้าที่วางไว้คาดว่าจะเติบโตกว่า 20 - 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนโตเพียง 10% เท่านั้น เนื่้องจากปีที่แล้ว เติบโตน้อยเพราะมีการปิดปรับปรุงไปหลายสาขาทำให้รายได้หายไปบ้าง ส่วนปีนี้เปิดบริการเต็มรูปแบบทั้ง 8 สาขา
ล่าสุด เราได้จัดงาน “เพาเวอร์ มอลล์ อิเล็คทรอนิก้า โชว์เคส ” (POWER MALL ELECTRONICA SHOWCASE) ในปีนี้ มีการจัดงานในพื้นที่ MCC HALL พระหว่างวันที่ 19 มิถุนายน – 29 กรกฏาคม 2567 ที่ POWER MALL ทุกสาขาภายใต้คอนเซ็ปต์ “THE ULTIMATE RACE OF INNOVATION” พร้อมไฮไลท์สินค้าใหม่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ที่ “POWER MALL FIRST” และหลากหลายไฮไลท์สินค้าที่มาพร้อมฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีล้ำสมัย ตอบโจทย์เทรนด์ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี AI ในสินค้าหลากหลายกลุ่ม เ พิเศษเฉพาะสาขาพารากอน เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ด้วย Apple Shop ใหม่ ใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า, โซนเกมมิ่งใหม่ล่าสุดที่เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับเหล่าเกมเมอร์และโซนเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (SMALL APPLIANCE) นำเสนอหลากหลายสินค้าสุขภาพไลฟ์สไตล์ที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในปัจจุบัน พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้มค่า สินค้าลดสูงสุด 60%, รับฟรีคูปองส่วนลดเงินสดสูงสุด 15,000 บาท, ผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน, สมาชิก M CARD ลดเพิ่มสูงสุด 20% (เฉพาะวันพุธ), รับคืน รวมสูงสุด 36,000 บาท จากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ คาดว่ายอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมา 68% มูลค่า 534 ล้านบาท (34 วัน) ในช่วงเวลาเดียวกัน